ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เตรียมออกหน่วยเคลื่อนที่ให้แก้ไขความพิการ ความบกพร่องบนใบหน้าแก่ผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์

          วันนี้(21 มี.ค. 61) เวลา 10.00 น. นายวงเทพ เขมวิรัตน์ ปลัดจังหวัดบุรีรัมย์ ประชุมคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนราชการ ผู้บริหารโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบุรีรัมย์ แพทย์ พยาบาล และกรทางการแพทย์โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดโครงการคลินิกเคลื่อนที่ ปี 2561 จังหวัดบุรีรัมย์ โดยศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จะออกหน่วยให้บริการค้นหา ให้คำแนะนำและแก้ไขผู้ป่วยที่มีความบกพร่องบนใบหน้าที่แต่กำเนิดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันอังคารที่ 3 เมษายน 2561 ที่ “อาคารเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558” โรงพยาบาลบุรีรัมย์ 

พญ.พัชรี  ยิ้มรัตนบวร  รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ฝ่ายพัฒนาบุคลากร เปิดเผยว่า ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จัดโครงการคลินิกเคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมีการบูรณาการบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานด้านสังคม ด้านแรงงาน  ด้านการศึกษา สาธารณสุขออกไปให้บริการประชาชน คัดกรอง ให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา นัดทำการรักษา ซึ่งจะให้บริการช่วยเหลือทางกายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศัลกรรมแพทย์ตกแต่ง ประสาทศัลยแพทย์ กุมารแพทย์  แพทย์โสต ศอ นาสิก จักษุแพทย์  ทันตแพทย์จัดฟัน  นักอรรถบำบัด นักจิตวิทยา นอกจากนั้นยังให้การช่วยเหลือการช่วยเหลือทางสังคม อาชีพ การศึกษา และกิจกรรมสันทนาการ

ด้าน นพ.วัชระ บุรพลกุล  ศัลยแพทย์ตกแต่ง ประจำโรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดกลุ่มผู้ป่วยที่จะขอรับบริการ เช่น ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางด้านกะโหลกศีรษะ ความผิดปกติของใบหน้า เช่นมีก้อนเนื้องอกทุกชนิดบนใบหน้า  โรคงวงช้าง ใบหน้าที่มีขนาดผิดปกติ มีขนาดไม่เท่ากัน  ไม่มีใบหู คางผิดรูป กระดูกขากรรไกรมีขนาดผิดปกติ ใบหน้าแหว่ง  และผู้ป่วยปากแหว่ง เพดานโหว่ที่ผลการรักษายังไม่ดีเท่าที่ควรสามารถรับบริการตรวจซ้ำได้ ซึ่งผู้ป่วย หรือญาติผู้ป่วยสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับบริการได้ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ได้ทุกแห่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนวันที่ 3 เมษายน 2561 นี้

ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 14 ติดตามความก้าวหน้าของโครงการผันน้ำลำปลายมาศ – อ่างเก็บน้ำหนองทะลอก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค และการเกษตรอย่างยั่งยืน

****วันที่ 09 มี.ค. 61  เวลา 14.00 น. นายจิรายุ  นันท์ธราธร  ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 14 และคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าของโครงการผันน้ำลำปลายมาศ ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง – อ่างเก็บน้ำหนองทะลอก ต.นางรอง  อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์  โดยมีนายประภาส  รักษาทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์  นายกิติกุล เสภาศรีราภรณ์  ผู้อำนวยการโครงการชลประทานบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ

*****ทั้งนี้สืบเนื่องจาก อ่างเก็บน้ำหนองทะลอก กรมชลประทานสร้างเมื่อปี 2495  มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับประโยชน์กว่า 3,000 ไร่ เมื่อชุมชนเมืองนางรองเขตเศรษฐกิจเจริญเติบโต สภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ระยะหลังน้ำที่จะไหลเข้าภายในอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก ลดน้อยลงทุกปี ประกอบกับพื้นที่รับน้ำของอ่างหายไปส่งผลให้ภาคการเกษตรได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกันการประปาส่วนภูมิภาคได้ใช้น้ำเพื่อผลิตประปา เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำบ่อยครั้ง จึงเกิดเป็นโครงการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในระยะยาว โดยจังหวัดบุรีรัมย์ อนุมัติให้โครงการชลประทานบุรีรัมย์ดำเนินงานก่อสร้างคลองผันน้ำคนอกรีตเสริมเหล็กมีความยาว 1,040 เมตรพร้อมอาคารประกอบวงเงินงบประมาณ 24,500,000.-บาท  ขณะนี้มีผลการดำเนินงาน 15 %

****นายกิติกุล เสภาศรีราภรณ์  ผู้อำนวยการโครงการชลประทานบุรีรัมย์  เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูน้ำหลากจะมีมวลน้ำจากลำน้ำมาศ ที่ไหลมาจากอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศ ในพื้นที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ผ่านพื้นที่ อ.ปะคำ นางรอง ชำนิ ของ จ.บุรีรัมย์ ไหลลงสู่แม่น้ำมูลที่อำเภอชุมพวง จ.นครราชสีมา ซึ่งไม่สามารถกักเก็บไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งได้ หากการดำเนินโครงการแล้วเสร็จจะสามารถผันน้ำจากลำน้ำมาศ ในช่วงฤดูน้ำหลากไปเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำหนองทะลอกได้ปีละไม่น้อยกว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร คลอบคลุมพื้นที่การเกษตรกว่า 3,000 ไร่ และยังเป็นแหล่งสำรองน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา รองรับการเจริญเติบโตของเมืองนางรองได้อีก 10 ปีข้างหน้า