วันนี้ (18 ส.ค. 60)
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พร้อมคณะ
ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรและแผนปฏิบัติงานเกษตรอินทรีย์
และพบปะเกษตรกรในพื้นที่แปลงใหญ่ ในพื้นที่ ตำบลแสลงพัน ตำบลตลาดโพธิ์
อำเภอลำปลายมาศ และพื้นที่
ตำบลหนองเต็ง ตำบลชุมแสง อ.กระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
โดยมีนายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่ให้การต้อนรับ และนำเสนอผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค
ความต้องการ เสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวในระยะยาวให้กับชาวนา
ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีความมั่นคงในอาชีพและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ด้วยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของผลผลิตข้าว
ซึ่งใช้วิธรการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิต การบริหารจัดการ
และการตลาดไปพร้อมๆกัน
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า
จากการที่ได้พบปะพูดคุยกับเกษตรกรพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่าเกษตรกรมีความพร้อม
มีความตั้งใจสูงที่รวมกลุ่มทำการเกษตรนาแปลงใหญ่ซึ่งมีตัวอย่างความสำเร็จที่ดำเนินการของจังหวัด
และกลุ่มจังหวัด จึงมีเกษตรกรให้ความสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
ส่วนปัญหาอุปสรรคเป็นเรื่องพื้นฐานที่เกิดขึ้นกับการทำเกษตร เช่น แหล่งน้ำ ดิน ศัตรูพืช ซึ่งได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับไปแก้ไข
ซึ่งเป้าหมายของโครงการนี้ต้องการเชื่อมโยงเกษตรกร
กับผู้ประกอบการที่รับซื้อผลผลิต
และกระจายไปตามแหล่งจำหน่ายต่างๆทั้งค้าปลีกและค้าส่ง อย่างครบวงจร
จึงมีความจำเป็นต้องทำให้การผลิตประสบความสำเร็จ
สิ่งที่เป็นปัญหาอุปสรรค์ต้องได้รับการแก้ไขทันที
สำหรับพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีการส่งเสริมนาแปลงใหญ่
ตั้งแต่ปี 2558 จำนวน 11 แปลง /ปี 2559
จำนวน 369 แปลง รวมเป็น 380 แปลงพื้นที่
942,148.30 ไร่ เกษตรที่เข้าร่วมโครงการ 64,000 คน สามารถลดต้นทุนการผลิตต่อตันได้
ร้อยละ 20 เพิ่มผลผลิตต่อไร่ร้อยละ 15
ในส่วนของการดำเนินโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ปี
2560 เป็นจำนวน 102 แปลง ประกอบด้วย แปลงใหญ่ต่อเนื่อง 16 แปลง
และแปลงใหญ่หลักเกณฑ์ใหม่ จำนวน 86 แปลง ซึ่งเกษตรกรต้องมีการรวมตัวกัน 30
คนขึ้นไป และมีพื้นที่รวมกัน 300 ไร่ขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องแปลงติดกันเป็นผืนเดียวกัน
แต่ควรอยู่ภายในชุมชนที่ใกล้เคียงกัน และเกษตรกรต้องสมัครใจเข้าร่วมโครงการ
มีกระบวนกลุ่ม แต่หากยังไม่เป็นกลุ่ม
ต้องเป็นกลุ่มที่สามารถพัฒนาให้เกิดเป็นกลุ่มต่อไปได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น